เครือข่ายสถาบันเกษตรกรขาวสวนยาง จ.ระยอง ชวนเที่ยวงานเกษตรแฟร์ “รวมพลังสถาบันเกษตรกรระยองรักษ์สิ่งแวดล้อมพร้อมงานเกษตรแฟร์” เลือกซื้อผลิตภัณฑ์เกษตรของเกษตรกรในพื้นที่ ชมฟรีคอนเสิร์ตศิลปินชื่อดัง ด้านประธานเครือข่ายสถาบันเกษตรกรชาวสวนยาง จ.ระยอง วอนรัฐบาลชุดใหม่ดันราคายางพาราให้สูงขึ้น
เมื่อวันที่ 22 ส.ค.67 ที่ศูนย์บริการการพัฒนาปลวกแดงตามพระราชดำริ ต.แม่น้ำคู้ อ.ปลวกแดง จ.ระยอง นายประสานต์ พฤกษาชาติ รองนายก อบจ.ระยอง เป็นประธานเปิดงานเกษตรแฟร์ ภายใต้ชื่องาน “รวมพลังสถาบันเกษตรกรระยองรักษ์สิ่งแวดล้อมพร้อมงานเกษตรแฟร์” ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 22-31 ส.ค.นี้ ซึ่งจัดขึ้นโดยเครือข่ายสถาบันเกษตรกรขาวสวนยาง จ.ระยอง มีนายสังข์เวิน ทวดห้อย ประธานเครือข่ายสถาบันเกษตรกรขาวสวนยาง จ.ระยอง ดร.อุทัย สอนหลักทรัพย์ นายกสมาคมสหพันธ์ชาวสวนยางแห่งประเทศไทย ดร.วัฒนา บันเทิงสุข ประธานเครือข่ายวิสาหกิจชุมชน นวัตวิถีเกษตรอินทรีย์ นายสันติ ขจรเวชไพศาล ประธานชุมนุมสหกรณ์จังหวัดระยอง ร่วมงานฯ ภายในงานมีการจำหน่ายผลิตภัณฑ์จากยางพารา สินค้าเกษตรของเกษตรชาวสวนยางในพื้นที่ และจำหน่ายอาหาร เครื่องดื่ม ตลอดจนการแสดงคอนเสิร์ตของศิลปินชื่อดังทุกคืนด้วย ทั้งนี้งานดังกล่าวจัดขึ้นเพื่อเป็นช่องทางในการช่วยเหลือเกษตรกร ผู้ประกอบการให้มีรายได้จากการจำหน่ายผลิตผลทางการเกษตร ทำให้เกิดเศรษฐกิจหมุนเวียน กลับไปสู่ชุมชน ตลอดจนเป็นการยกระดับสนค้าเกษตรให้มีมาตรฐานในสากล และเป็นการสร้างเครือข่ายเกษตรปลอดภัยให้เกิดขึ้นอีกด้วย
ด้านนายสังข์เวิน ทวดห้อย ประธานเครือข่ายสถาบันเกษตรกรชาวสวนยาง จ.ระยอง และ ในฐานะ คกก.เครือข่ายเกษตรกรชาวสวนยางระดับประเทศ เปิดเผยถึงอนาคตยางพาราไทยว่า หลังจากได้รัฐบาลชุดใหม่แล้ว ในนามเกษตรกรชาวสวนยาง ก็อยากจะฝากรัฐบาลให้ดูแลเกษตรกรชาวสวนยาง และราคายางให้มีราคาเหมือนที่เป็นอยู่ในปัจจุบันนี้ด้วย ซึ่งเกษตรกรพอใจ และพออยู่ได้ ซึ่งราคายางปัจจุบันเทียบในอดีต 10 ปีที่แล้วดีขึ้นมาก แต่สิ่งที่เกษตรกรชาวสวนยางต้องการคือความมั่นคง อยากให้ราคายางดีขึ้นไปอีก และทิศทางยางพาราจะไปทางไหน ก็ต้องขอฝากความหวังไว้ที่รัฐบาลชุดใหม่นี้ เพราะจากนี้ไปการขายยาง ต้องพึ่ง EUDR (กฎระเบียบยุโรป) คือต้องมีความเป็นรูปธรรมชัดเจน ซึ่งต้องทำให้เกษตรกรชาวสวนยางได้รับผลกระทบน้อยที่สุด อาทิ การขายยางให้กับ EUDR เกษตรกรจะต้องเป็นผู้ที่มีเอกสารสิทธิ์ และก็มีเกษตรกรอีกหลายส่วนที่ไม่มีเอกสารสิทธิ์ แต่ขึ้นทะเบียนกับการยางแห่งประเทศไทย และเป็นที่ดินที่ไม่บุกรุกป่า และรัฐบาลอนุญาตให้ทำกิน การขายยางระหว่าง EUDR จะต้องให้ครอบคลุมเกษตรกรที่ไม่เอกสารสิทธิ์ด้วย อีกอย่างการยางแห่งประเทศไทย จะทำอย่างไรที่จะได้เงินอุดหนุนมาจากรัฐบาล ซึ่งเป็นสิ่งจำเป็นและสำคัญ เพราะการยางฯ มีเงินค่อนข้างจำกัด โดยเฉพาะในเรื่องการส่งออก และการดูแลพี่น้องเกษตรกรชาวสวนยางที่ยังไม่ทั่วถึงด้วย
