Loading

เทคนิคระยอง โชว์ผลงาน นศ. งานสภากาแฟสัญจร หน.ส่วนราชการ ประจำเดือนมีนาคม 2567

หน่วยงานสังกัดกระทรวงศึกษาธิการ เป็นเจ้าภาพจัดสภากาแฟสัญจรจังหวัดระยอง มีเทคนิคระยอง โชว์ศักยภาพด้านกำลังคนอาชีวศึกษาคุณภาพ

     เมื่อเวลา 07.30 น.วันที่ 21 มี.ค.67 ที่อาคารเอนกประสงค์วิทยาลัยเทคนิคระยอง ต.ท่าประดู่ อ.เมือง จ.ระยอง นายไตรภพ วงศ์ไตรรัตน์ ผวจ.ระยอง เป็นประธานเปิดกิจกรรมสภากาแฟสัญจร ครั้งที่ 3 ประจำปี 2567 ซึ่งจัดขึ้นทุกวันพฤหัสบดีที่สามของเดือน โดยกำหนดให้หน่วยงานแต่ละกระทรวงหมุนเวียนผลัดเปลี่ยนกันจัดขึ้นทุกเดือน โดยมี นายกัฬชัย เทพวรชัย นายกำธร เวหน รอง ผวจ.ระยอง นายเรืองฤทธิ์ ประกอบธรรม ปลัดจังหวัดระยอง พล.ต.ต.พงษ์พันธ์ วงศ์มณีเทศ ผบก.ภ.จว.ระยอง หัวหน้าส่วนราชการจังหวัด นายอำเภอ ผู้บริหาร อปท.รัฐวิสาหกิจ องค์กรเอกชน เข้าร่วมกิจกรรมฯ

      โดยครั้งนี้มีหน่วยงานสังกัดกระทรวงศึกษาธิการใน จ.ระยอง เป็นเจ้าภาพ นำโดย น.ส.ช่อชบา ชื่นบาน ผอ.สพป.ระยอง เขต 1 นายอภิชัย ริญทัพ รอง ผอ.สพป.ระยอง เขต 2 โดยมีนายกิตติพงค์ อุตตมะเวทิน ผอ.เทคนิคระยอง ได้นำผลงานของ นศ. จัดบูธโชว์ศักยภาพด้านผลิตกำลังคนอาชีวศึกษาคุณภาพแก่ผู้ว่าราชการจังหวัด หัวหน้าส่วนราชการจังหวัด และผู้เข้าร่วมงานได้เยี่ยมชมด้วย โดยการจัดงานดังกล่าว มีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นการพบปะ สนทนา แลกเปลี่ยนความคิดเห็น รับฟังปัญหา และข้อเสนอแนะจากทุกภาคส่วน เพื่อหาแนวทางขับเคลื่อนการพัฒนาจังหวัดต่อไป.

Loading

กลุ่มจักสานกระจูดมาบเหลาชะโอน จ.ระยอง เชื่อ soft power ที่นายกรัฐมนตรีโชว์ต่างชาติ จะช่วยชาวบ้านมีรายได้จากการขายผลิตภัณฑ์ของชุมชน แนะชูสินค้า 1 จังหวัด 1 Soft power

     นายมนตรี ยิ้มเยื้อน ประธานวิสาหกิจกลุ่มจักสานกระจูดมาบเหลาชะโอน ม.5 ต.ชากพง อ.แกลง จ.ระยอง เป็นการรวมกลุ่มของชาวบ้านมาบเหลาชะโอน ที่มีการสาน ‘เสื่อกระจูด’ เป็นภูมิปัญญาดั้งเดิมของชาวบ้านมาเป็นเวลานานกว่า 200 ปี และสืบทอดกันมาจนถึงปัจจุบัน โดยเริ่มทำกันใช้ในครัวเรือน และใช้ในการแลกเปลี่ยนสินค้า และปัจจุบันได้มีการทำจำหน่าย และกลายที่ศึกษาดูงานมีผู้คนเดินทางมาเยี่ยมอย่างต่อเนื่อง ผลิตภัณฑ์หลักๆ จะเป็นสินค้าจักสานจากต้นกระจูดเป็นพืชที่ขึ้นในหนองน้ำในพื้นที่ มีทั้งกระเป๋ากว่า 40 แบบ ตะกร้ากว่า 60 แบบ หมวก รองเท้า เสื่อและพัด รวมแล้วมีผลิตกว่า 100 รายการ ส่วนในเรื่องหาแหล่งตลาดจำหน่ายก็จะมีทั้งขายส่ง-ปลีก โดยเฉพาะลูกค้าคือกลุ่มชุมชนต่างๆ ที่เดินทางมาเยี่ยมศึกษาดูงานกับทางกลุ่ม ทั้งคณะศึกษาดูงาน คณะทัวร์ท่องเที่ยวทั้งชาวไทย และต่างชาติ รวมทั้งผู้ประกอบการภาคอุตสาหกรรม ผู้ประกอบการที่พัก โรงแรม รีสอร์ท ก็จะนำสินค้าทางกลุ่มไปจำหน่าย รวมทั้งยังมีส่งออกบางส่วนที่สร้างได้ให้กับทางชุมชนด้วย

      ส่วนกรณีที่นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ได้ชู soft power เพื่อให้ชุมชนมีรายได้นั้น โดยเฉพาะนำสินค้าไปโชว์ต่างประเทศ ทำให้ต่างชาติสนใจสินค้าไทย ทำให้ขายดี ซึ่งตนมองว่าเป็นเรื่องที่ดี ซึ่งแต่ละจังหวัดต้องกลับมาคิดว่าจะชูผลิตภัณฑ์อะไรในพื้นที่เป็น soft power หรือ 1 จังหวัด 1 soft power ให้เป็นผลิตภัณฑ์เด่นที่โชว์ชาวต่างชาติ เพื่อขายได้ และชุมชนเกิดรายได้.

Loading

เรือนจำกลางระยอง เติมความรู้เกษตรทฤษฎีใหม่และเศรษฐกิจพอเพียงแก่นักโทษเด็ดขาด

     เรือนจำกลางระยอง เปิดโครงการฝึกอบรมเกษตรทฤษฎีใหม่และหลักปรัชาเศรษฐกิจพอเพียง ตามแนวพระราชดำริฯ ให้นักโทษเด็ดขาด เพื่อเตรียมความพร้อมก่อนพ้นโทษ

     เมื่อเวลา 10.00 น.วันที่ 19 มี.ค.67 ที่เรือนจำกลางระยอง ต.หนองละลอก อ.บ้านค่าย จ.ระยอง นายไตรภพ วงศ์ไตรรัตน์ ผวจ.ระยอง เป็นประธานเปิดโครงการฝึกอบรมหลักสูตร เกษตรทฤษฎีใหม่และหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ให้นักโทษเด็ดขาด เพื่อเตรียมความพร้อมก่อนพ้นโทษ โดยมีนายสมพงศ์ สนิทมัจโร ผู้บัญชาการเรือนจำกลางระยอง ให้การต้อนรับ และมีนักโทษเรือนจำกลางระยอง เข้าร่วมอบรม จำนวน 200 คน

      ทั้งนี้มีวัตถุประสงค์ เพื่อเป็นการติดอาวุธทางปัญญา ตามหลักเกษตรทฤษฎีใหม่และหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ตามแนวพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร รัชกาลที่ 9 ให้นำไปปรับใช้ในพื้นที่ของตัวเอง ตลอดจนนำความรู้ที่ได้ไปประยุกต์ใช้เป็นแนวทางในการประกอบอาชีพดำรงชีวิตแบบพอเพียง ตามแนวพระราชดำริฯ และสามารถนำไปปรับใช้ในการดำเนินชีวิตภายหลังพ้นโทษให้สามารถพึ่งพาตนเองได้ และไม่หวนกลับมากระทำผิดซ้ำอีก.

Loading

ศูนย์บริการและถ่ายทอดเทคโนโลยีการเกษตรประจำตำบลทับมา สอนทำแหนมเห็ด และหมูยอเห็ดสร้างอาชีพ และรายได้ให้แก่ ปชช. ในพื้นที่

     เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 19 มี.ค. ที่อาคารเอนกประสงค์ ชั้น 1 เทศบาลตำบลทับมา ต.ทับมา อ.เมืองระยอง จ.ระยอง นายทองสุข ผ่องผาด ศูนย์บริการและถ่ายทอดเทคโนโลยีการเกษตรประจำตำบลทับมา เป็นประธานเปิดโครงการสนับสนุนศูนย์บริการและถ่ายทอดเทคโนโลยีการเกษตรประจำตำบลทับมา ประจำปีงบประมาณ 2567 มี คกก.ศูนย์บริการและถ่ายทอดเทคโนโลยีการเกษตรประจำตำบลทับมา กลุ่มอาชีพ และ ปชช. ทั้ง 8 หมู่บ้าน จำนวน 60 เข้าร่วมโครงการ ซึ่งจัดขึ้นโดยศูนย์บริการและถ่ายทอดเทคโนโลยีการเกษตรประจำตำบลทับมา และเทศบาลตำบลทับมา ภายในงานมีการบรรยายให้ความรู้ในหัวข้อความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับเห็ด ความสำคัญในการแปรรูปผลิตภัณฑ์เห็ด แนวทางนำเห็ดแปรรูปเป็นรูปแบบชนิดต่างๆ และแบ่งกลุ่มฝึกอาชีพทำแหนมเห็ด และหมูยอเห็ด   

       ทั้งนี้มีวัตถุประสงค์ เพื่อเป็นการส่งเสริมการดำเนินงานของศูนย์บริการและถ่ายทอดเทคโนโลยีการเกษตร ประจำตำบลทับมา เพื่อส่งเสริมให้ผู้เข้าร่วมโครงการ มีความรู้ความเข้าใจในการนำเทคโนโลยีมาปรับใช้ ในการถนอมและแปรรูปอาหาร รวมทั้งเพื่อส่งเสริมการสร้างอาชีพ สร้างรายได้ในครัวเรือน และชุมชนอีกด้วย.

Loading

ตร.สภ.เมืองระยอง รวบหนุ่มวัย 34 ปี คาด่านตรวจกลางดึก หลังขนยาบ้า ยาไอซ์ ไปส่งลูกค้า รับสารภาพรับยาเสพติดมาจากเอเย่นที่เมืองพัทยา เพื่อนำมาแบ่งขายส่งให้ลูกค้า รอง ผบช.ภ.2 แถลงยันคนร้ายใช้กระสุนปืนหัวเจาะเกราะ พร้อมยิงต่อสู้ ตร. โชคดีที่ช่วงตรวจค้น ตร.บล็อกหัวท้ายรถคนร้ายเลยจำนน

เมื่อเวลา 14.00 น.วันที่ 19 มี.ค.ที่บริเวณหน้ากองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดระยอง ต.ท่าประดู่ อ.เมือง จ.ระยอง พล.ต.ต.ชัยต์พจน สูวรรณรักษ์ รอง ผบช.ภ.2 ในฐานะโฆษกตำรวจภูธรภาค 2 พล.ต.ต.พงษ์พันธ์ วงศ์มณีเทศ ผบก.ภ.จว.ระยอง พ.ต.อ.ทนุเนตร ปิตุเตชะ รอง ผบก.ภ.จว.ระยอง และ พ.ต.อ.วีพงษ์ กงแก้ว ผกก.สภ.เมืองระยอง แถลงข่าวจับกุมนายวัสสพนธ์ หรือกล็อฟ เหล่างาม อายุ 34 ปี ชาว จ.สมุทรสาคร พร้อมของกลางยาบ้า 5,950 เม็ด ยาไอซ์ 1 กก.ยาเคตามีน 101.42 กรัม อาวุธปืนสั้น ยี่ห้อ STI สปาตันทรี 1 กระบอก แม็กกาซีนปืน 1 อัน เครื่องกระสุนปืน ขนาด .46 จำนวน 6 นัด และรถเก๋ง 1 คัน

ทั้งนี้สืบเนื่องจากเมื่อเวลา 22.00 น.วันที่ 18 มี.ค.ที่ผ่านมา ชุดปฏิบัติการสายตรวจ สภ.เมืองระยอง ได้ตั้งจุดตรวจจุดสกัดบริเวณริมถนนหน้าวัดเกาะกลอย ขาเข้าเมือง ถนนเกาะกลอย-บ้านค่าย ต.เชิงเนิน อ.เมืองระยอง กระทั่งเมื่อเวลา 01.30 น.วันที่ 19 มี.ค.พบนายวัสสพนธ์ ขับขี่รถเก๋งยี่ห้อฮอนด้า ซีวิค สีขาว หมายเลขทะเบียน ขม 5231 ระยอง เข้ามายังจุดตรวจ จุดสกัดท่าทางมีพิรุธ เจ้าหน้าที่จึงได้ขอตรวจค้น พบของกลางยาบ้า ยาไอช์ อยู่ในเป้สีเหลืองวางอยู่เบาะหลังรถ และพบอาวุธปืนดังกล่าวอยู่บริเวณเบาะหน้าข้างคนขับ จึงได้ควบคุมตัว และตรวจยึดของกลางไว้เป็นหลักฐาน พร้อมนำตัวมาสอบสวนขยายผล

จากการสอบสวนนายวัสสพนธ์ ให้การรับสารภาพว่า ซื้อมาจากนายเก่ง ไม่ทราบชื่อสกุลจริง อายุประมาณ 33 ปี พักอาศัยอยู่ที่ ต.บางละมุง อ.พัทยา จ.ชลบุรี โดยติดต่อซื้อขายผ่านทางแอปพิเคชั่นไลน์ ซึ่งนัดรับยาเสพติดที่กรุงเทพฯ ก่อนที่จะนำมาซุกซ่อนไว้ เพื่อจะรอแบ่งจำหน่ายให้กับลูกค้าในพื้นที่ จ.ระยอง แต่มาถูกเจ้าหน้าที่ตพรวจ จับตัวได้เสียก่อน

เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้แจ้งข้อหา มียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า,ไอซ์) ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย อันเป็นกระทำเพื่อการค้าและก่อให้เกิดการแพร่กระจายในกลุ่มประชาชน, มีวัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาทประเภท 2 (คีตามีน) ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย อันเป็นกระทำเพื่อการค้าและก่อให้เกิดการแพร่กระจายในกลุ่มประชาชน,มีอาวุธปืนและเครืองกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต,พกพาอาวุธปืนติดตัวไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาต นำตัวส่งดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

พล.ต.ต.ชัยต์พจน สูวรรณรักษ์ รอง ผบช.ภ.2 ในฐานะโฆษกตำรวจภูธรภาค 2 กล่าวว่า การจับกุมครั้งนี้ แสดงให้เห็นว่าผู้ต้องหาพร้อมต่อสู้ โดยวางอาวุธไว้ข้างตัวตลอดเวลา โดยใช้กระสุนปืนหัวเจาะเกราะ พร้อมยิงต่อสู้ ตร. โชคดีที่ช่วงตรวจค้น ตร.บล็อกหัวท้ายรถผู้ต้องหาเลยจำนน ถ้ายิงต่อสู้คิดว่าผู้ต้องหาคงไม่รอด.

Loading

สกพอ. สัมมนาสรุปผลศึกษาโครงการ เคาะรูปแบบระบบ Feeder เชื่อมต่อไฮสปีดเทรนเชื่อมสามสนามบินในพื้นที่ EEC

      เมื่อเวลา 09.00 น.วันที่ 19 มี.ค.67 ที่ห้องสัมมนาหลัก สิรินพลา ชั้น 1 โรงแรมสิรินพลา รีสอร์ท แอนท์ เรสเตอรองท์ อ.บ้านฉาง จ.ระยอง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (สกพอ.) ได้จัดการประชุมสัมมนารับฟังความคิดเห็นของประชาชน (ครั้งที่ 3 : สรุปผลการศึกษาโครงการ) โครงการจ้างที่ปรึกษาศึกษาความเหมาะสมเบื้องต้นของระบบขนส่งสาธารณะที่เชื่อมโยงกับการพัฒนารถไฟ ความเร็วสูงเชื่อมสามสนามบินกับการพัฒนาเมืองใหม่ในพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก โดยมีจากนายเรืองฤทธิ์ ประกอบธรรม ปลัดจังหวัดระยอง เป็นประธานเปิดการประชุมสัมมนา เพื่อนำเสนอผลสรุปการศึกษาโครงการ พร้อมทั้งเปิดโอกาสให้ผู้เข้าร่วมประชุม ได้แสดงความคิดเห็น ข้อเสนอแนะ โดยมีผู้แทนจากองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น หน่วยงานราชการ และประชาชนเข้าร่วมประชุมด้วย

        สำหรับการจัดประชุมรับฟังความคิดเห็นของประชาชนในครั้งที่ 3 ทาง สกพอ. และที่ปรึกษาโครงการฯ ได้นำเสนอสรุปผลการศึกษาโครงการ มีรายละเอียดต่างๆ ดังนี้ โดยจากผลการศึกษาพบว่า เส้นทางโครงข่าย ‘เมืองใหม่ EEC – สถานีรถไฟความเร็วสูงอู่ตะเภา’ มีแนวเส้นทางที่เหมาะสมในการออกแบบรูปแบบแนวคิดเบื้องต้นเพื่อเป็น ‘โครงการนำร่อง’ ของโครงการ โดยแนวเส้นทางที่มีความเหมาะสมนั้น มีจุดเริ่มต้นโครงการในพื้นที่เมืองใหม่ EEC จากนั้นยกระดับเหนือทางหลวงหมายเลข 331 ใกล้กับสถานีตำรวจภูธรห้วยใหญ่ จากนั้น ยกระดับประชิดเขตมอเตอร์เวย์หมายเลข 7 ช่วงเขาชีจรรย์ถึงเขาชีโอน แล้วยกระดับข้ามทางหลวงหมายเลข 3 หรือถนนสุขุมวิท ไปสิ้นสุดที่สถานีรถไฟความเร็วสูงอู่ตะเภา รวมระยะทางทั้งสิ้นประมาณ 20 กิโลเมตร โดยรูปแบบระบบขนส่งมวลชนรองที่จะนำมาให้บริการ คือ ‘ระบบรถไฟฟ้าล้อเหล็ก’ ซึ่งมีความเหมาะสม ทั้งในด้านวิศวกรรม การลงทุน สิ่งแวดล้อม และการถ่ายทอดเทคโนโลยี สำหรับการออกแบบสถานี ได้ออกแบบเป็น 3 รูปแบบ คือ แบบ A เป็นสถานียกระดับ แบบ B เป็นสถานีระดับพื้น และแบบ C เป็นสถานียกระดับ ที่จำกัดความสูงไม่เกิน 15 เมตร โดยมีการออกแบบที่สวยงามทันสมัย พร้อมคำนึงถึงการใช้งานของประชาชน การเชื่อมต่อกับระบบขนส่งมวลชนอื่นๆ ความเหมาะสมกับสภาพภูมิอากาศ และความปลอดภัยในการอพยพผู้โดยสารในกรณีฉุกเฉิน เป็นต้น แต่เนื่องด้วยระบบรถไฟฟ้าล้อเหล็กมีมูลค่าการลงทุนค่อนข้างสูง กอรปกับผู้โดยสารในระยะแรกของการพัฒนาโครงการยังมีปริมาณไม่มากนัก ทำให้ยังไม่มีความคุ้มค่าด้านเศรษฐกิจ ดังนั้นทางโครงการจึงเสนอให้นำรถโดยสารไฟฟ้า หรือ EV Bus มาให้บริการในระยะแรกก่อน จากนั้นค่อยปรับเปลี่ยนมาเป็นรถไฟฟ้าล้อเหล็ก เมื่อปริมาณผู้โดยสารมีปริมาณสูงขี้นในอนาคต ซึ่งจะใช้เงินลงทุนต่ำกว่าการพัฒนาเป็นรถไฟฟ้าล้อเหล็กตั้งแต่เริ่มโครงการ โดยแนวเส้นทางของรถโดยสาร EV Bus จะใช้แนวถนนเดิมที่มีอยู่ โดยเริ่มจากเมืองใหม่ EEC จากนั้นจะใช้เลี้ยวซ้ายใช้แนวเส้นทางของทางหลวงหมายเลข 331 มุ่งหน้าไปทางทิศใต้ จนถึงแยกเกษมพล เลี้ยวซ้ายเพื่อใช้แนวเส้นทางของทางหลวงหมายเลข 332 มุ่งหน้าทิศตะวันออกเฉียงใต้จนบรรจบกับถนนสุขุมวิทบริเวณ แยกอู่ตะเภาจากนั้นเลี้ยวซ้ายใช้แนวเส้นทางถนนสุขุมวิทมุ่งหน้าทิศตะวันออกและกลับรถโดยใช้ทางลอดบริเวณทางแยกต่างระดับอู่ตะเภา จากนั้นเลี้ยวซ้ายใช้แนวเส้นทางถนนพลา ไปสิ้นสุดที่สถานีรถไฟความเร็วสูงอู่ตะเภา รวมระยะทางทั้งสิ้นประมาณ 21 กิโลเมตร ทั้งนี้ด้านการศึกษาผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมเบื้องต้น หรือ IEE พบว่ามีปัจจัยด้านสิ่งแวดล้อมที่คาดว่าจะได้รับผลกระทบจากกิจกรรมของโครงการอย่างมีนัยสำคัญ 16 ปัจจัย ซึ่งทางโครงการได้ดำเนินการจัดทำร่างมาตรการ ป้องกันและแก้ไขผลกระทบสิ่งแวดล้อม เพื่อลดผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากโครงการให้เหลือน้อยที่สุด ภายหลังการประชุมครั้งนี้ สกพอ.และที่ปรึกษาโครงการฯ จะดำเนินการรวบรวมข้อมูลความคิดเห็น และข้อเสนอแนะจากผู้เข้าร่วมประชุม นำมาพิจารณาประกอบการจัดทำรายงานสรุปผลการศึกษาโครงการให้ครอบคลุมสอดคล้องกับความต้องการของประชาชนในพื้นที่โครงการให้มากที่สุด จากนั้นจะดำเนินการในขั้นตอนต่อไป ได้แก่ การสำรวจและออกแบบรายละเอียด การพิจารณารายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) การเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ และการก่อสร้างโครงการ คาดว่าจะใช้ระยะเวลารวมทั้งหมดประมาณ 7-10 ปี จึงสามารถเปิดให้บริการได้อย่างเต็มรูปแบบ โดยผู้สนใจสามารถติดตามความคืบหน้าและรายละเอียดของโครงการฯ ได้ที่เว็บไซต์ www.eec-smartcity-feeder.com 

       นายจาดูร แผ่นสุวรรณ วิศวกรโครงการฯ กล่าวว่า ข้อสรุปคือทาง สกพอ. ก็จะมีการออกแบบสร้างระบบขนส่งสาธารณะรอง ซึ่งได้ศึกษาแล้วเป็นระบบรถไฟฟ้าล้อเหล็ก จะเป็นการเชื่อมโยงการเดินทางของเมืองใหม่ที่จะมีการพัฒนาในอนาคตของ สกพอ. เชื่อมโยงมาที่ตัวสนามบินอู่ตะเภา ซึ่งในอนาคตจะมีการพัฒนาเป็นสนามบินนานาชาติขนาดใหญ่ รวมทั้งมีการพัฒนาเป็นเมืองมหานครการบิน เพราะฉะนั้นระบบการขนส่งสาธารณะรอง ก็จะออกแบบเป็นระบบไฟฟ้าเชื่อมเมืองใหม่ที่ห้วยใหญ่ บางละมุงมาที่มหานครการบิน สนามบินอู่ตะเภา มีระยะทาง 21 กม. ซึ่งแนวเส้นทางก็จะออกแบบเป็นล้อเหล็ก เป็นรถไฟฟ้าขนาด 2 ราง มีถนนทางบริการ 2 ช่องทางจราจร และจะมีการเวนคืนตลอดแนวเส้นทางตั้งแต่ อ.บางละมุง อ.สัตหีบ ถึง อ.บ้านฉาง ส่วนระยะเวลาการดำเนินการเร็วสุดนั้น หากมีการก่อสร้างรถไฟฟ้าเชื่อม 3 สนามบิน และมีการก่อสร้างตัวเมืองใหม่แล้ว จะใช้ระยะเวลาพัฒนาอย่างน้อย 7 ปี ส่วนปัญหาที่พบคือ การใช้พื้นที่เวรคืนค่อนข้างเยอะ แต่ก็ได้มีการหลบเลี่ยงพื้นที่อาศัยของ ปชช. ซึ่งส่วนใหญ่พื้นที่เวรคืนจะเป็นพื้นที่เกษตรกรรม ไร่มันสำปะหลัง ไร่สับปะรด เป็นหลัก ส่วนข้อกังวลของ ปชช. ก็จะมีข้อห่วงใยในเรื่องของค่าตอบแทนค่าเวรคืน ซึ่งทาง สกพอ. ก็จะยึด พ.ร.บ.เวรคืนตามกฎหมาย เป็นหลัก.

Loading

   “แฟชั่นทีวี”ช่องแฟชั่นเดินแบบดังระดับโลก จับมือ จ.ระยอง เตรียมจัดงาน Fashion TV Beach Model Award & Music Festival ริมชายหาดเมืองระยอง กระตุ้นท่องเที่ยว และเศรษฐกิจ

     เมื่อเวลา 13.30 น.วันที่ 18 มี.ค.ที่ห้องประะชุมศาลากลางจังหวัดระยอง ต.เนินพระ อ.เมือง จ.ระยอง น.ส.สลารีวรรณ ทัพทวี รอง ผวจ.ระยอง นำส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ร่วมประชุมหารือกับมิสเตอร์เอ็ดเวิร์ด กิตติ ประธานบริษัท เอฟทีวี (ประเทศไทย) หรือ Fashion TV พร้อมทีมงานที่ได้มานำเสนอการจัดกิจกรรมงาน Fashion TV Beach Model Award & Music Festival ริมชายหาด เพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยวของจังหวัดระยอง

     มิสเตอร์เอ็ดเวิร์ด กล่าวว่า สำหรับช่องเอฟทีวีหรือ Fashion TV ได้ดำเนินการธุรกิจแฟชั่นทีวีมายาวนานถึง 25 ปี จนเป็นที่รู้จักแพร่หลาย มีผู้ติดตามทั่วโลกกว่า 500 ล้านคน ทั้งนี้ช่อง Fashion TV มีแนวคิดที่จะจัดกิจกรรมงาน Fashion TV Beach Model Award & Music Festival ริมชายหาดของ จ.ระยอง จึงได้มาหารือกับทางผู้บริหาร และภาคส่วนที่เกี่ยวข้องของ จ.ระยอง เพื่อหาแนวทางความเป็นไปได้ในการจัดกิจกรรมดังกล่าวร่วมกันขึ้น โดยในงานจะมีการโปรโมทแหล่งท่องเที่ยวชายทะเล หรือแหล่งท่องเที่ยวอื่นๆ สินค้า ของดีของเด่นของ จ.ระยอง ผ่านช่อง Fashion TV ที่มีผู้ติดตามทั่วโลกด้วย ซึ่งในงานจะมีกิจกรรม เช่น การประกวดเดินแบบนายแบบ-นางแบบเมืองไทย คัดเลือก 15 คน ไปเดินแบบเวทีเดินแบบโลก การแข่งขันวอลเลย์บอลชายหาด และมีดีเจและคอนเสิร์ตศิลปินชื่อดังมาร่วมสร้างสีสันความสนุกในงานด้วย รวมทั้งการเปิดพื้นที่ให้ชาวบ้าน ชุมชน นำสินค้ามาวางจำหน่าย ทั้งนี้กิจกรรมที่จัดขึ้น มุ่งกระตุ้นเศรษฐกิจ และสร้างชื่อด้านการท่องเที่ยวของจังหวัดระยอง รวมทั้งส่งเสริมให้ประชาชนในพื้นที่มีรายได้อีกด้วย…000

Loading

ผวจ.ระยอง นำวางพานพุ่มถวายราชสักการะ และราชสดุดีน้อมรำลึก ร.5 เนื่องใน ‘วันท้องถิ่นไทย ปี 67’

   จ.ระยอง จัดพิธีถวายราชสดุดีน้อมรำลึกถึงพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ร.5 เนื่องในวันท้องถิ่นไทย ปี 67 ที่พระองค์ได้ทรงมีพระบรมราชโองการให้ยกฐานะ ตำบลท่าฉลอมขึ้นเป็นสุขาภิบาลท่าฉลอม เมื่อวันที่ 18 มีนาคม พุทธศักราช 2448 ถือเป็น ‘ปฐมบทแห่งการปกครองท้องถิ่นไทย’

     เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 18 มี.ค.67 ที่หอประชุมศาลากลางจังหวัดระยอง ต.เนินพระ อ.เมือง จ.ระยอง นายไตรภพ วงศ์ไตรรัตน์ ผวจ.ระยอง เป็นประธานในพิธี ‘วันท้องถิ่นไทย’ ประจำปี 2567 มี น.ส.สลารีวรรณ ทัพทวี รอง ผวจ.ระยอง นายเรืองฤทธิ์ ประกอบธรรม ปลัดจังหวัดระยอง นายณัฐศักดิ์ ดีศรี ท้องถิ่นจังหวัดระยอง นายอภิชาติ เงินท้วม นายก อบต.มาบยางพร พร้อมด้วยผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ข้าราชการ ลูกจ้าง และพนักงานเข้าร่วมประกอบพิธีวางพานดอกไม้สดถวายสักการะ และกล่าวถวายราชสดุดีน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณ เบื้องหน้าพระบรมสาทิศลักษณ์ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ร.5 หรือพระปิยมหาราช

     ทั้งนี้ สำหรับวันท้องถิ่นไทยเกิดขึ้นด้วยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม ประกาศจัดตั้งสุขาภิบาลตลาดท่าฉลอง จังหวัดสมุทรสาคร ขึ้นเป็นแห่งแรกของประเทศ พร้อมพระราชทานชื่อถนนว่าถนนถวาย ซึ่งชาวตำบลท่าฉลอมได้ร่วมกันสละที่ดินและเงินสร้างขึ้นวันที่ 18 มีนาคม 2448 และคณะรัฐมนตรีได้ประกาศให้วันที่ 18 มีนาคมของทุกปีเป็นวันท้องถิ่นไทย โดยให้ความสำคัญกับการกระจายอำนาจให้กับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ถือเป็น ‘ปฐมบทแห่งการปกครองท้องถิ่นไทย’ และเป็นรากฐานการปกครองระบอบประชาธิปไตยในระดับท้องถิ่นและเพื่อเป็นการน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณขององค์พระปิยมหาราช จึงได้จัดวันท้องถิ่นไทยดังกล่าวขึ้น.

Loading

เทคนิคนิคมอุตสาหกรรมระยอง มอบประกาศนียบัตรนักศึกษาสำเร็จการศึกษา พร้อมมอบเกียรติบัตรแก่สถานประกอบการ ชุมชน และผู้ปกครองที่สนับสนุนการศึกษา และส่งบุตรหลานให้มาเรียน

      เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 17 มี.ค.ที่วิทยาลัยเทคนิคนิคมอุตสาหกรรมระยอง ต.ห้วยโป่ง อ.เมืองระยอง จ.ระยอง นายวีระชัย สมบัติกำไร ผอ.เทคนิคนิคมอุตสาหกรรมระยอง เป็นประธานมอบประกาศนียบัตรแก่นักศึกษาที่จบการศึกษา ประจำปีการศึกษา 2566 โดยมีนักศึกษาจบการศึกษา ระดับ ปวช. จำนวน 122 คน ระดับ ปวส. จำนวน 219 คน รวม 314 คน มอบโล่และเกียรติบัตรนักศึกษาเรียนดี และยังได้มีการมอบโล่เกียรติคุณให้แก่ นายกิตติพงค์ อุตตมะเวทิน ผอ.เทคนิคระยอง ผู้ทำคุณประโยชน์แก่เทคนิคนิคมอุตสาหกรรมระยอง พร้อมมอบเกียรติบัตรให้แก่สถานประกอบการ และชุมชนที่ได้สนับสนุนการศึกษา รวมทั้งมอบเกียรติบัตรให้กับผู้ปกครองของนักศึกษาที่ส่งบุตรหลานมาเรียนที่เทคนิคนิคมอุตสาหกรรมระยองอีกด้วย

      นายวีระชัย กล่าวว่า งานดังกล่าวมีวัตถุประสงค์เพื่อ ขอบคุณผู้ปกครองไว้วางใจส่งบุตรหลานมาศึกษาต่อกับวิทยาลัยเทคนิคนิคมอุตสาหกรรมระยอง ตลอดจนช่วยเหลือดูแลเอาใจใส่และขอบคุณสถานประกอบการที่ให้การสนับสนุนให้ผู้เรียนได้มีโอกาสปฏิบัติงานจริง ฝึกทักษะ ฝึกประสบการณ์วิชาชีพ เรียนรู้วิถีการทำงานระหว่างการศึกษา และเป็นการขอบคุณชุมชนในการให้โอกาสให้ผู้เรียนเข้าไปมีส่วนร่วมในกิจกรรมดีๆ ของชุมชนอีกด้วย

Loading

นักท่องเที่ยว สปป.ลาว บินเที่ยวบินปฐมฤกษ์กราบไหว้พระนอนตะแคงซ้าย-ลอดโบสถ์ 100 ปี วัดป่าประดู่

    นทท. และผู้ประกอบการท่องเที่ยว แขวงสะหวันนะเขต สปป.ลาว บินเที่ยวบินปฐมฤกษ์สายการบินเปิดใหม่แขวงสะหวันนะเขต สปป.ลาว-สุวรรณภูมิ เที่ยวชมความงามสถานที่ท่องเที่ยวของระยอง ไหว้พระพุทธไสยาสน์นอนตะแคงซ้าย -รอดโบสถ์เก่าแก่ อายุ 100 ปี เพื่อเป็นสิริมงคล และนั่งเรือเที่ยวเดินสัมผัสทรายแก้วเกาะเสม็ด ก่อนเดินทางไปเที่ยวเมืองพัทยาต่อ

    เมื่อเวลา 09.00 น.วันที่ 16 มี.ค.ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ททท.สำนักงานระยอง ได้พาผู้ประกอบการท่องเที่ยว และ นทท.จากแขวงสะหวันนะเขต สปป.ลาว จำนวน 65 คน เดินทางมาเที่ยวชมสถานที่ท่องเที่ยวในจังหวัดระยอง โดยไดเข้ากราบไหว้ปิดทององค์พระพุทธไสยาสน์นอนตะแคงซ้ายและลอดโบสถ์เก่าแก่ อายุกว่า 100 ปี เพื่อความเป็นสิริมงคล อยู่ภายในวัดป่าประดู่ พระอารามหลวง ต.ท่าประดู่ อ.เมืองระยอง โดยมีนายอนุสรณ์ แสงกล้า นอภ.เมืองระยอง และนายวัชรพล สารสอน ผอ.ททท.สำนักงานระยอง ให้การต้อนรับ ก่อนที่ผู้ประกอบการฯ และ นทท.จาก แขวงสะหวันนะเขต สปป.ลาว จะเดินทางไปโดยเรือ เดินชมความงามของเกาะเสม็ด และเดินทางต่อไปเที่ยวชมแหล่งท่องเที่ยวในพัทยาต่อไป

     นางวิไลวรรณ จันทะวง ประธานกลุ่มบริษัทท่องเที่ยวแขวงสะหวันนะเขต สปป.ลาว กล่าวว่า ผู้ประกอบการท่องเที่ยว และ นทท.ที่เดินทางเข้ามาท่องเที่ยวใน จ.ระยองดังกล่าว เป็นผู้ที่เดินทางมากับเที่ยวบินปฐมฤกษ์แขวงสะหวันนะเขต สปป.ลาว-สุวรรณภูมิ ระหว่างวันที่ 15-18 มี.ค.นี่ ซึ่งสายการบินลาวแอร์ไลน์เปิดเที่ยวบินแขวงสะหวันนะเขต สุวรรณภูมิขึ้น โดยเปิดเที่ยวบินทุกวันจันทร์-พุธ-ศุกร์ ซึ่งในรอบเที่ยวบินปฐมฤกษ์นี้ ทางกลุ่มผู้ประกอบการท่องเที่ยวของ สปป.ลาว จึงได้ร่วมกับสายการบินดังกล่าว นำผู้ประกอบการฯ และ นทท.ลาว เดินทางมาท่องเที่ยวใน จ.ระยอง และยังได้มีการเจรจาธุรกิจท่องเที่ยวกับผู้ประกอบการท่องเที่ยวของ จ.ระยอง เพื่อเชิญให้ นทท.ได้เดินทางไปท่องเที่ยวของทั้ง 2 เมืองด้วย

      ด้าน นางสุภาวะดี กุนวง ผจก.สายการบินลาว แอร์ไลน์ สาขาสะหวันนะเขต กล่าวว่า รู้สึกประทับใจทาง ททท.ไทย ที่ให้การต้อนรับอย่างดี ซึ่งถ้ามีโอกาสก็จะเชิญชวน นทท.ทางแขวงสะหวันนะเขต มาท่องเที่ยวทางภาคตะวันออกของไทยเพิ่มขึ้น และขอเชิญพี่น้องทาง จ.ระยอง ไปท่องเที่ยวทางแขวงสะหวันนะเขตด้วย เพราะปีนี้ทาง สปป.ลาว ได้มีการบูมการท่องเที่ยวเปิดทุกแขวง เพื่อต้อนรับ นทท.อย่างเต็มที่

       ด้าน นายอนุสรณ์ แสงกล้า นอภ.เมืองระยอง กล่าวว่า เมื่อมี นทท.มาจากต่างแดน โดยเฉพาะพี่น้องจาก สปป.ลาว ซึ่งเป็นประเทศบ้านพี่เมืองน้องกับไทยเรา สิ่งแรกที่จะต้องทำคือ เราต้องเป็นเจ้าบ้านที่ดี โดยเฉพาะสถานที่ท่องเที่ยว ร้านอาหารต่างๆ ต้องมีใจบริการไม่เอารัดเอาเปรียบ นทท. ทั้งในเรื่องของอาหาร ที่พัก การเดินทาง และความปลอดภัย ให้เขาเกิดความประทับใจอยากกลับมาเที่ยวอีกหลายๆ รอบ.