Loading

ประธานกรรมาธิการความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติและการปฎิรูปประเทศ ลงพื้นที่ จ.ระยอง ติดตามการแก้ไขปัญหาโรงงานเก็บกากสารเคมีวินโพรเสส กรณีเกิดเหตุไฟไหม้ จี้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งนำงบ 397 ล้านบาท มาแก้ไขปัญหา

     เมื่อเวลา 13.30 น. วันที่ 19 ส.ค.67 ที่ห้องประชุมศาลากลางจังหวัดระยอง ต.เนินพระ อ.เมือง จ.ระยอง นายรังสิมันต์ โรม ประธานกรรมาธิการความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติและการปฎิรูปประเทศ นายชุติพงศ์ พิภพภิญโญ เลขานุการกรรมาธิการฯ น.ส.กมนทรรศน์ กิตติสุนทรสกุล สส.ระยอง พร้อมคณะ ได้เดินทางไปติดตามการแก้ไขปัญหาโรงงานเก็บกากสารเคมีวินโพรเสส ต.บางบุตร อ.บ้านค่าย จ.ระยอง กรณีเกิดเพลิงไฟไหม้  โดยมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ จ.ระยอง รายงานสถานการณ์ และความคืบหน้าในการแก้ไขปัญหา หลังเกิดเหตุมาตั้งแต่วันที่ 22 เม.ย.67 ที่ผ่านมา โดยมีนายกัฬชัย เทพวรชัย รอง ผวจ.ระยอง ร่วมประชุม

       นายรังสิมันต์ โรม ประธานกรรมาธิการฯ กล่าวว่า ปัจจุบันการแก้ไขปัญหา เท่าที่ได้รับรายงานอยู่ในขั้นตอนของบประมาณจำนวน 397 ล้านบาท เพื่อนำมาแก้ไขในเร่งกำจัดสารเคมีต่างๆ ที่อยู่ภายในงานโรงงานออกไปกำจัด รวมทั้งการนำน้ำเสียในบ่อกักเก็บไปกำจัดด้วย ซึ่งมีการหวั่นว่าจะล้น เนื่องจากเข้าสู่ฤดูฝนแล้ว ทั้งนี้หากเรื่องนี้ไม่มีการจัดการที่เป็นรูปธรรม จะส่งผลกระทบเป็นวงกว้าง ต้องป้องกันปัญหาไม่ให้ลุกลามบานปลาย จากนี้ทางกรรมาธิการฯ จะเร่งสรุปปัญหาส่งไปยัง รมว. หรือรัฐบาล และส่งไปยังกระทรวงอุตสาหกรรมที่รับผิดชอบ เพื่อให้ได้งบประมาณมาดำเนินการแก้ไข และขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้เร่งแก้ไขให้มีความชัดเจนโดยเร็ว เพื่อแก้ไขปัญหาพี่น้องประชาชนที่เดือดร้อนต่อไป.

Loading

พ่อเมืองระยอง เรียกประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รับมือสถานการณ์อุทกภัยในช่วงฤดูฝน สั่งการเตรียมความพร้อมเครื่องจักร อุปกรณ์ กำลังพล เพื่อให้การช่วยเหลือประชาชนอย่างเต็มที่ตลอด 24 ชม.

      เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 19 ส.ค.67 ที่ห้องประชุมศาลากลางจังหวัดระยอง ต.เนินพระ อ.เมือง จ.ระยอง นายไตรภพ วงศ์ไตรรัตน์ ผวจ.ระยอง เป็นประธานในการประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเตรียมความพร้อมรับสถานการณ์อุทกภัยในช่วงฤดูฝน 2567 นี้ โดยเบื้องต้นได้มีข้อสั่งการในการรับมือสถานการณ์ เพื่อให้ความช่วยเหลือประชาชนได้ทันท่วงทีลดความเสียหายในวงกว้าง ทั้งเตรียมความพร้อมของกำลังพล วัสดุ อุปกรณ์ เครื่องจักร และยานพาหนะให้พร้อมปฏิบัติงาน อำนวยความสะดวกและให้ความช่วยเหลือประชาชน ตลอด 24 ชม. และตรวจสอบอ่างเก็บน้ำ ฝาย พนังกั้นน้ำปรับปรุงให้เกิดความมั่นคงแข็งแรง เพื่อสร้างความมั่นใจให้ประชาชน ตลอดจนสามารถรองรับน้ำได้กรณีเกิดฝนตกหนัก และเตรียมการเฝ้าระวังน้ำท่วม แผนติดตั้งเครื่องสูบน้ำ สำรวจท่อระบายน้ำ ลำรางระบายน้ำ ท่อลอดต่างๆ รวมทั้งแจ้งเตือนชาวประมง และชาวเรือให้ระมัดระวังในการเดินเรือ และประชาชน และนักท่องเที่ยวที่อยู่บริเวณชายฝั่งให้ระวังอันตรายจากคลื่นลมแรงที่พัดเข้าหาฝั่ง

      นอกจากนี้ยังได้ให้ทุกอำเภอ และ อปท.ทุกแห่ง ดูแลสถานที่ท่องเที่ยวในส่วนของสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติ อาทิ อุทยานแห่งชาติ บริเวณน้ำตก ถ้ำ ถ้ำลอด เกาะแก่งต่างๆ ประสานการปฏิบัติกับหน่วยงานที่รับผิดชอบสถานที่ท่องเที่ยวดังกล่าว ร่วมกันกำหนดมาตรการเฝ้าระวัง การแจ้งเตือน การปิดกั้น และการห้ามนักท่องเที่ยวเข้าพื้นที่ที่กำหนด โดยเฉพาะในช่วงที่มีฝนตกหนักในพื้นที่ให้จัดเจ้าหน้าที่เฝ้าระวังสถานการณ์ตลอด 24 ชม.

Loading

เทศบาลตำบลทับมา รับการประเมิน เพื่อรับรางวัลองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่มีการจัดการที่ดี ประจำปีงบประมาณ 2567

     เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 19 ส.ค.67 ที่ห้องประชุมโรงเรียนอนุบาลทับมา ต.ทับมา อ.เมือง จ.ระยอง นายประเสริฐ วงษ์ศรี นายกเทศมนตรีตำบลทับมา น.ส.เรวีญา ขจิตเนติธรรม ปลัดเทศบาลตำบลทับมา พร้อมคณะผู้บริหาร หัวหน้าส่วนราชการ และเจ้าหน้าที่เทศบาลตำบลทับมา เข้าร่วมรับการตรวจประเมิน เพื่อรับรางวัลองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่มีการจัดการที่ดี ประจำปีงบประมาณ 2567 ผ่านระบบการประชุมทางไกล (Video Conference) โดย Application Zoom Clound Meetings พร้อมชี้แจงและตอบข้อซักถามของคณะกรรมการตรวจประเมินฯ

   ทั้งนี้ เทศบาลตำบลทับมา ได้นำเสนอผลงานส่วนของการบริหารจัดการที่ดี และมีความโดดเด่นในเรื่องของการบริหารจัดการศูนย์พัฒนาคุณภาพชีวิต และส่งเสริมอาชีพผู้สูงอายุ และการส่งเสริมอาชีพของกลุ่มวิสาหกิจชุมชนผู้เลี้ยงชันโรงบ้านทับมา.

Loading

จ.ระยอง จัดงาน ‘มหกรรมแก้หนี้ สร้างวิถีแห่งความเป็นธรรม ครั้ง 56’ มีการเชิญลูกหนี้กว่า 7,000 ราย ไกล่เกลี่ยหนี้

      เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 15 ส.ค.67 ที่โรงแรมโกลเด้นซิตี้ระยอง อ.เมือง จ.ระยอง นายกำธร เวหน รอง ผวจ.ระยอง เป็นประธานเปิดงาน ‘มหกรรมแก้หนี้ สร้างวิถีแห่งความเป็นธรรม ครั้ง 56’ จัดขึ้นโดยกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ กรมบังคับคดี สำนักงานยุติธรรมจังหวัดระยอง สำนักงานบังคับคดีจังหวัดระยอง และภาคีเครือข่าย โดยมีวัตถุประสงค์ให้การแก้ไขปัญหาหนี้สินทั้งระบบแก่ประชาชนทุกกลุ่ม ทั้งภาคเกษตร ภาคธุรกิจ และภาคประชาชน เพื่อให้การแก้ไขปัญหาหนี้เป็นไปอย่างยั่งยืน และไม่กลับมาเป็นหนี้ซ้ำอีก

โดยภายในงานมีการจัดกิจกรรมการเผยแพร่ให้ความรู้ทางกฎหมาย สร้างการตระหนักการวางแผน และสร้างวินัยทางการเงินแก่ประชาชน นิทรรศการให้คำปรึกษาทางกฎหมาย และการเงินจากภาคีเครือข่าย จำนวน 18 หน่วยงาน การให้บริการไกล่เกลี่ยข้อพิพาททั้งก่อนฟ้องและหลังคำพิพากษา โดยมีการเชิญลูกหนี้เข้าร่วมงาน 7,973 ราย โดยแยกเป็นลูกหนี้ก่อนฟ้อง จำนวน 3,083 ราย และหลังมีคำพิพากษาแล้ว 4,284 ราย มีจำนวนทุนทรัพย์รวมกว่า 1,952,988,084 ล้านบาท…000

Loading

ทสจ.ระยอง มอบป้ายห้องเรียนรู้เครือข่ายพิทักษ์สิ่งแวดล้อม ประจำโรงเรียน ให้แก่โรงเรียนในพื้นที่ 8 แห่ง พร้อมเปิดเวทีเสวนา ‘การศึกษาไทยกับการรับมือต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม’

     เมื่อเวลา 08.30 น. วันที่ 14 ส.ค.67 ที่โรงแรมคามิโอ แกรนด์ระยอง อ.เมือง จ.ระยอง นายเฉลิม พุ่มไม้ ผอ.สำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม(ทสจ.) จ.ระยอง เป็นประธานในพิธีมอบป้ายห้องเรียนรู้เครือข่ายพิทักษ์สิ่งแวดล้อม ประจำโรงเรียน ภายใต้แนวคิด ‘Green Shield Rayong’ รักษ์ระยอง พิทักษ์สิ่งแวดล้อม:ติดโล่ความคิดสีเขียว เสริมทักษะปฏิบัติจริง เพิ่มเกราะความคิดสร้างสรรค์’ โดยมอบให้กับโรงเรียนในพื้นที่ จำนวน 8 แห่ง โดยมี ผอ.แต่ละโรงเรียน และนักเรียนเป็นตัวแทนรับมอบ พร้อมกับมีเวทีเสวนา ‘การศึกษาไทยกับการรับมือต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม’ และบูธนิทรรศการจากโรงเรียนในพื้นที่ที่เข้าร่วมโครงการด้วย

     นายเฉลิม พุ่มไม้ ผอ. สำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จ.ระยอง กล่าวว่า โครงการดังกล่าว มีวัตถุประสงค์เพื่อสนับสนุนส่งเสริมเครือข่ายประชาชนและเยาวชนในการอนุรักษ์และเฝ้าระวังคุณภาพสิ่งแวดล้อม จ.ระยอง จัดให้มีห้องเรียนรู้เครือข่ายเยาวชนพิทักษ์สิ่งแวดล้อม สนับสนุนสื่อการเรียนรู้ อุปกรณ์เฝ้าระวังคุณภาพสิ่งแวดล้อม โดยการจัดตั้งห้องเรียนรู้เครือข่ายเยาวชนพิทักษ์สิ่งแวดล้อม ประจำโรงเรียนครอบคลุมทั้ง 8 อำเภอของ จ.ระยอง จะเป็นส่วนสำคัญที่ช่วยทำให้เยาวชนเตรียพร้อมรับมือต่อการเปลี่ยนแปลงทั้งทรัพยากรธรรมชาติ สิ่งแวดล้อม และสภาพภูมิอากาศที่เปลี่ยนแปลงไปเกิดกการขับเคลื่อนอย่างเป็นรูปธรรมตามบริบทของ จ.ระยอง มีการเชื่อมโยงข้อมูลกับศูนย์ประสานงานด้านการเปลี่ยนแปลงด้านสภาพภูมิอากาศและความหลากหลายทางชีวภาพของ จ.ระยอง เพื่อสร้างการรับรู้และตระหนักถึงความสำคัญของทรัพยากรธรรมชาติ การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม.

Loading

เทคนิคนิคมอุตสาหกรรมระยอง นำ นศ. ออกหน่วยบริการภายใต้โครงการ นิลมังกร Service จิตอาสา ‘ซ่อมถึงบ้าน บริการถึงที่’ อาชีวะช่วยประชาชน Fix it จิตอาสา

      เมื่อเวลา 09.00 น.วันที่ 10 ส.ค.67 ที่อาคารศาลหลวงเตี่ย อ.บ้านฉาง จ.ระยอง นายอติเทพ จริยเวชช์วัฒนา นายกเทศมนตรีเมืองบ้านฉาง เป็นประธานเปิดโครงการ นิลมังกร Service จิตอาสา ‘ซ่อมถึงบ้าน บริการถึงที่’ อาชีวะช่วยประชาชน Fix it จิตอาสาในพื้นที่เทศบาลเมืองบ้านฉาง อ.บ้านฉาง และเขตเทศบาลเมืองมาบตาพุด อ.เมืองระยอง โดยมีนายวีระชัย สมบัติกำไร ผอ.วิทยาลัยเทคนิคนิคมอุตสาหกรรมระยอง นำ นศ. ออกหน่วยซ่อมอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้า และเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องรถ จยย. ให้ ปชช. ฟรี

      ทั้งนี้จัดขึ้นเพื่อเป็นการบริการซ่อมสร้าง และถ่ายทอดองค์ความรู้ บำรุงรักษาเครื่องมืออุปกรณ์แก่ ปชช. ในพื้นที่ และเป็นการยกระดับช่างชุมชนโดยสถานศึกษาและภาคีเครือข่าย รวมทั้งเป็นการสร้างอาชีพให้กับ นศ. และ ปชช. ตลอดจนเป็นการพัฒนานวัตกรรมถ่ายทอดเทคโนโลยี ต่อยอดผลิตภัณฑ์ชุมชนในการจัดตั้งศูนย์ซ่อมสร้างเพื่อชุมชนในครั้งนี้อีกด้วย.

Loading

ชาวบ้านใน ต.สำนักท้อน อ.บ้านฉาง จ.ระยอง ร้องขอไฟฟ้าใช้ หลังมีกว่า 300 หลังคาเรือนไร้ไฟฟ้าใช้ ต้องหุงข้าวใช้เตาถ่าน เหตุอยู่ในที่ป่าสงวน เตรียมนำรายชื่อชาวบ้านบุกยื่น กฟภ. ส่วนกลาง ให้เคารพ และเห็นถึงสิทธิของประชาชนที่ควรจะได้รับในด้านสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐาน

      เมื่อเวลา 18.00 น. วันที่ 9 ส.ค.67 ที่บริเวณอาคารที่ทำการอดีตกำนันตำบลสำนักท้อน อ.บ้านฉาง จ.ระยอง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า มีตัวแทนชาวบ้านจาก ม.1,3,4,6,7 และ 8 กว่า 300 ราย นำโดยนางเสาวนีย์ วอขวา และนางอภิญญา พรหมไหม รวมตัวกัน และลงรายมือชื่อ เพื่อยื่นขอไฟฟ้าใช้จากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง หลังจากชาวบ้าน 300 หลังคาเรือนไม่มีไฟฟ้าใช้ โดยมีนายกิติพงศ์ อุระวัดร นอภ.บ้านฉาง ร่วมรับฟังปัญหา และชี้แจงในการช่วยเหลือชาวบ้านที่ผ่านมา

      นางเสาวนีย์ กล่าวว่า ชาวบ้านเดือดร้อนในเรื่องไม่มีไฟฟ้าใช้ และเรื่องปัญหาที่ดินที่ยังไม่ได้เอกสารสิทธิ์ เป็นใบ ภบท.5 แต่ตอนนี้ชาวบ้านได้ตกลงกันแล้ว จะเดินหน้าเรื่องขอให้ได้ใช้ไฟฟ้าก่อน โดยจะนำรายชื่อชาวบ้านที่เดือดร้อนไปยื่น กฟภ. ส่วนกลาง เพื่อให้เคารพและเห็นถึงสิทธิของประชาชนที่ควรจะได้รับในด้านสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐาน ซึ่งปัจจุบันชาวบ้านต้องอยู่อย่างยากลำบากต้องตื่นเช้าตรู่ เพื่อหุงหาอาหาร โดยหุงข้าวด้วยเตาถ่าน

      นางอภิญญา กล่าวว่า จ.ระยอง อยู่พื้นที่ EEC ไม่สมควรอน่างยิ่งที่จะมีชาวบ้านไม่มีไฟฟ้าใช้ ซึ่งสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐานที่ควรจะได้รับ และมีความจำเป็นอย่างยิ่งของชาวบ้าน ซึ่งการเรียกร้องของชาวบ้านในครั้งนี้เป็นความเดือดร้อนจริงๆ เป็นการรวมกลุ่มที่ไม่ก่อม็อบสร้างความวุ่นวายให้เกิดขึ้นแต่อย่างใด

      ด้าน นายกิติพงศ์ กล่าวว่า ในส่วนการให้ความช่วยพี่น้อง ปชช. ที่ได้ไปยื่นเรื่องกับทางอำเภอแล้ว ซึ่งเป็นปัญหาที่สำคัญที่สุดที่พี่น้อง ปชช. ไม่มีไฟฟ้าใช้ เนื่องจากอยู่ในพื้นที่หน่วยงานรัฐที่ไม่สามารถอนุญาตให้ใช้ไฟฟ้าได้ แต่อนุญาตให้เข้าอยู่ และมีทะเบียนชั่วคราวแล้ว แต่ที่ชาวบ้านเดือดร้อนก็คือ ทางการไฟฟ้าฯ ขยายเขตเข้าไปให้ได้ เนื่องจากติดข้อกฎหมายระหว่างหน่วยงานทั้งทางการไฟฟ้าฯ และป่าไม้ เป็นปัญหาที่ทั้ง 2 หน่วยงานจะต้องพูดคุยกัน เพื่อแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของพี่น้อง ปชช. ทั้งนี้ในส่วนของอำเภอ ได้มีการส่งเรื่องให้ศูนย์ดำรงธรรมจังหวัด เนื่องจากเกินอำนาจหน้าที่ของนายอำเภอ และทำหนังสือถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแล้วด้วยก็ยังไม่ได้รับคำตอบ.

Loading

ทต.ทับมา นำเจ้าหน้าที่ และจิตอาสา ทำกิจกรรมบิ๊กคลีนนิ่งเดย์ บำเพ็ญประโยชน์ทำความสะอาดวัด เนื่องในวันแม่แห่งชาติ

      เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 9 ส.ค.67 ที่วัดทับมา ต.ทับมา อ.เมือง จ.ระยอง นายประเสริฐ วงษ์ศรี นายกเทศมนตรีตำบลทับมา เป็นประธานเปิดโครงการวันแม่แห่งชาติ ภายใต้กิจกรรมบำเพ็ญสาธารณะประโยชน์ (Big Cleaning Day) ประจำปี 2567 โดยมีเจ้าหน้าที่เทศบาลตำบลทับมา และประชาชนจิตอาสาในพื้นที่ ได้ร่วมกันลงนามถวายพระพรสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 92 พรรษา 12 สิงหาคม 2567 และร่วมกันเก็บกวาดขยะ ปรับภูมิทัศน์ภายในบริเวณวัดทับมาให้มีความสะอาด และสวยงาม

       ทั้งนี้จัดขึ้นโดยมีวัตถุประสงค์ เพื่อเป็นการเฉลิมพระเกียรติ และถวายเป็นพระราชกุศลแด่สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง และเพื่อเทิดทูนสถาบันชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ รวมทั้งเพื่อเป็นการเสริมสร้างความรัก ความสามัคคีของคนในชาติ โดยมีสถาบันพระมหากษัตริย์เป็นศูนย์รวมจิตใจ นอกจากนี้ยังจัดขึ้นเพื่อให้คณะผู้บริหาร หัวหน้าส่วนราชการ เจ้าหน้าที่ และประชาชนในพื้นที่ ได้น้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ และแสดงความจงรักภักดีต่อสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปี ที่ทรงได้สร้างคุณประโยชน์แก่ประเทศชาติอย่างเอนกอนันต์มาตลอดอีกด้วย.

Loading

‘ภูมิธรรม’ รองนายกฯ และรมว.พาณิชย์ พร้อมคณะ ติดตามความก้าวหน้าโครงการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภาฯ จ.ระยอง พร้อมประสานความร่วมมือทุกฝ่ายผลักดันโครงการให้สัมฤทธิ์ผลโดยเร็วอย่างเป็นรูปธรรม

     เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 7 ส.ค.67 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ พร้อมด้วย ดร.ณหทัย ทิวไผ่งาม ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายไตรภพ วงศ์ไตรรัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดระยอง ลงพื้นที่ติดตามความก้าวหน้าโครงการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภาและเมืองการบินภาคตะวันออก ที่สนามบินอู่ตะเภา ต.พลา อ.บ้านฉาง จ.ระยอง โดยมี ดร.ธาริศร์ อิสสระยั่งยืน รองเลขาธิการ สายงานโครงสร้างพื้นฐาน สำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (สกพอ.) พร้อมด้วยผู้แทนจากกองทัพเรือ และผู้แทนจากบริษัทเอกชนด้านงานก่อสร้างและสาธารณูปโภคในพื้นที่สนามบินอู่ตะเภาฯ ร่วมบรรยายสรุปถึงความก้าวหน้าการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภาฯ ในด้านต่างๆ เพื่อเตรียมความพร้อมการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานสำคัญในพื้นที่ EEC สร้างความมั่นใจและดึงดูดการลงทุนอุตสาหกรรมเป้าหมายให้เข้าสู่พื้นที่ EEC ต่อเนื่อง

      รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การมารับฟังในส่วนของการพัฒนาโครงการโครงสร้างพื้นฐานสำคัญในพื้นที่ EEC โดยเฉพาะโครงการสนามบินอู่ตะเภาฯ ในวันนี้ ถือเป็นการมาร่วมขับเคลื่อนสนามบินอู่ตะเภาฯ ที่มีความสำคัญอย่างยิ่งในการพัฒนาพื้นที่ EEC และมีความยินดีที่วันนี้ ได้เกิดความร่วมมือจากทุกฝ่าย ทั้งภาครัฐโดยกองทัพเรือ และภาคเอกชน ที่จะร่วมกันสร้างความร่วมมือผลักดันให้โครงการฯ ได้เดินหน้าต่อเนื่อง โดยในฐานะรองนายกฯ และในบทบาทประธานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก ยินดีที่จะให้ความช่วยเหลือ เพื่อแก้ไขข้อติดขัดของโครงการในทุกด้าน เพื่อให้โครงการสำเร็จโดยเร็ว ผลักดันการแข่งขันทางเศรษฐกิจของประเทศให้เกิดขึ้นอย่างเป็นรูปธรรม

        ทั้งนี้ความก้าวหน้าการพัฒนาโครงการสนามบินอู่ตะเภาและเมืองการบินภาคตะวันออกในส่วนของหน่วยงานรัฐที่สำคัญๆ อาทิ ด้านงานก่อสร้างทางวิ่งที่ 2 และทางขับ ปัจจุบันกองทัพเรือ ได้รับอนุมัติกรอบวงเงินจำนวน 16,210 ล้านบาท และ สกพอ. ได้ส่งมอบพื้นที่เขตส่งเสริมเมืองการบินภาคตะวันออก เพื่อให้ดำเนินการก่อสร้างโครงการฯ เป็นที่เรียบร้อย และอยู่ระหว่างกระบวนการคัดเลือกผู้รับเหมางานก่อสร้าง และที่ปรึกษาเพื่อควบคุมงานก่อสร้าง ด้านงานระบบสาธารณูปโภคที่จัดทำโดยภาครัฐ เช่น ระบบไฟฟ้าและน้ำเย็น โรงไฟฟ้าพลังแสงอาทิตย์ ขนาด 15 เมกะวัตต์ มีความก้าวหน้า 95.13% งานระบบประปาและน้ำเสีย กำลังผลิตน้ำประปา 10,000 ลูกบาศเมตรต่อวัน (เฟสแรก) ก่อสร้างแล้ว 100% ระบบบริการน้ำมันเชื้อเพลิงอากาศยานมีความก้าวหน้าภาพรวม 50.16% ในส่วนการประสานแจ้งให้เอกชนเริ่มก่อสร้างโครงการฯ (NTP) คาดว่าจะสามารถแจ้ง NTP ได้ภายในปี 2567 นี้ เพื่อเริ่มก่อสร้างงานสำคัญๆ เช่น อาคารผู้โดยสารหลังที่ 3 อาคารเทียบเครื่องบินรอง และศูนย์ธุรกิจการค้า เป็นต้น ซึ่งคาดว่าโครงการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภาฯ จะสามารถเปิดให้บริการในปี 2572 โดยการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภาฯ จะก้าวสู่ศูนย์กลางการบินระดับภูมิภาค เป็นสนามบินนานาชาติที่ได้มาตรฐานโลก รองรับการเติบโตของอุตสาหกรรมการบินเชื่อมโยงการท่องเที่ยวสู่ภาคธุรกิจ เป็นศูนย์กลางอุตสาหกรรมท่องเที่ยว และขนส่งทางอากาศแห่งภูมิภาค เพื่อสร้างความมั่นใจ และเป็นปัจจัยสำคัญดึงดูดให้นักลงทุนเข้าสู่พื้นที่ EEC.

Loading

สมาคมความปลอดภัยในการทำงาน จ.ระยอง จัดงานความปลอดภัยและอาชีวอนามัยภาคตะวันออก จ.ระยอง ครั้งที่ 4 มุ่งพัฒนาองค์ความรู้แก่ลูกจ้างทนายจ้าง รณรงค์ส่งเสริมวัฒนธรรมด้านความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงาน

     เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 7 ส.ค.67 ที่ห้องประชุมสุนทรภู่ โรงแรมสตาร์คอนเวนชั่นระยอง อ.เมือง จ.ระยอง นายวรรณรัตน์ ศรีสุขใส รองปลัดกระทรวงแรงงาน เป็นประธานเปิดงานความปลอดภัยและอาชีวอนามัยภาคตะวันออก จ.ระยอง ครั้งที่ 4 ซึ่งจัดขึ้นโดยสมาคมความปลอดภัยในการทำงาน จ.ระยอง สำนักงานสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน จ.ระยอง และศูนย์ความปลอดภัยในการทำงานเขต 2(ชลบุรี) มี น.ส.สุนัน เพชรชู ผู้ตรวจราชการกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน นายกำธร เวหน รอง ผวจ.ระยอง นายสุรศักดิ์ ซ่อนกลิ่น นายกสมาคมความปลอดภัยในการทำงาน จ.ระยอง หัวหน้าหน่วยงานกระทรวงแรงงานใน จ.ระยอง และภาคเอกชน เข้าร่วมงานจำนวนมาก ในงานมีการมอบรางวัลสถานประกอบกิจการต้นแบบดีเด่นด้านความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงาน พ.ศ.2567 ระดับประเทศ จำนวน 53 แห่ง และระดับจังหวัด 3 รางวัล และโล่ประกาศเกียรติคุณผู้ทำคุณประโยชน์สนับสนุนกิจกรรมทางด้านความปลอดภัย จำนวน 7 รางวัล และประกาศเกียรติคุณ วิทยากรนั่งร้าน รถกระเช้า และงานบนที่สูง 16 คน และมีบูธนิทรรศการด้านความปลอดภัยจากสถานประกอบกิจการโรงงานอุตสาหกรรมในพื้นที่มาเปิดแสดงให้ผู้เข้าร่วมงานได้เยี่ยมชมด้วย

        โดยงานดังกล่าวจัดขึ้นมีวัตถุประสงค์ เพื่อให้เจ้าหน้าที่ความปลอดภัยในการทำงานและบุคลากรที่เกี่ยวข้อง ได้พัฒนาองค์ความรู้ รวมทั้งทราบทิศทางและความเคลื่อนไหวของการพัฒนางานด้านความปลอดภัยและอาชีวอนามัยในระดับประเทศและระดับสากล อันเป็นการพัฒนาศักยภาพบุคลากรด้านความปลอดภัยในการทำงานของสถานประกอบกิจการ อีกทั้งเป็นการส่งเสริมวัฒนธรรมความปลอดภัยเชิงป้องกันเพื่อให้มีแรงงานมีความปลอดภัย และสุขภาพอนามัยที่ดี ภายใต้สภาพแวดล้อมในการทำงานที่เหมาะสม เพื่อลดอัตราการประสบอันตรายจากการทำงานในสถานประกอบกิจการ.